Panorama TravelPanorama Travel
Forgot password?

Grand Greece – Santorini 8 Days

Grand Greece – Santorini 8 Days

อิสตันบูล-เอเธนส์ -กรุงเอเธนส์-เมืองเดลฟี-เมืองกาลัมบาก้า
เมืองกาลัมบาก้า-เมืองเมทีโอร่า-ลาเมีย-กรุงเอเธนส์
กรุงเอเธนส์-นั่งเรือเฟอร์รี่-เกาะมิโคนอส
เกาะมิโคนอส-เกาะซานโตรินี-ชมพระอาทิตย์ตกดินที่หมู่บ้านเอีย
เกาะซานโตรินี-ล่องเรือทะเลสาบภูเขาไฟ-ชิมไวน์-กรุงเอเธนส์
กรุงเอเธนส์-ชมเมือง-อะโคโปลิส-วิหารพาเธนอน-ช้อปปิ้ง
ย่านเมืองเก่าพลักก้า-กรุงเทพมหานคร

กำหนดการเดินทาง กรกฎาคม – ตุลาคม 2559

16-23 ก.ค.59/12-19 ส.ค.59/24ก.ย.-01ต.ค.59/17-24ต.ค.59/22-29ต.ค.59

รายละเอียดการเดินทาง

วันแรก  กรุงเทพมหานคร-อิสตันบูล-เอเธนส์
08.00 น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสาร ชั้น 4 ประตู 8 แถว S เคาน์เตอร์สายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์ เจ้าหน้าที่ และ หัวหน้าทัวร์ คอยให้การต้อนรับ และอำนวยความสะดวกด้านเอกสารการเดินทาง
10.55 น.  ออกเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี เที่ยวบินที่ TK65 สายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์
17.20 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติ Ataturk International Airport ณ กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี รอเปลี่ยนเที่ยวบิน
19.15 น. ออกเดินทางสู่ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ  เที่ยวบินที่ TK1843 สายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์
20.45 น. ถึง ท่าอากาศยานนานาชาติ Eleftherios Venizelos International Airport          ณ   กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่ศุลกากรแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก

พักค้างคืน ณ โรงแรม     Titania Hotel 4*     หรือเทียบเท่า  www.titania.gr

วันที่สอง  กรุงเอเธนส์-เมืองเดลฟี-เมืองกาลัมบาก้า
เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอราคอว่า Arachova (ระยะทาง 186 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที) เมืองเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บริเวณ เทือกเขาพาร์นาซอส Parnassus เป็นเมืองตากอากาศและแหล่งสกีรีสอร์ทที่นิยมของชาวเอเธนส์ในฤดูหนาว อีกทั้งยังเป็นแหล่งผลิตสินค้า หัตถกรรมพื้นบ้านราคาแพงอีกด้วย ให้ท่านได้เดินชมบรรยากาศบ้านเรือนสไตล์น่ารัก ๆ แล้วเก็บภาพเป็นที่ระลึกได้ตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านออกเดินทางต่อสู่ เมืองเดลฟี Delphi (ระยะทาง 11 กิโลเมตร ใช้เวลานั่งประมาณ 15 นาที) ในอดีตเคย ได้รับการขนานนามว่าเป็นศูนย์กลางโลกหรือสะดือของโลก Navel of the Earth ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก้ ซึ่งตามตำนานของกรีกโบราณกล่าวไว้ว่า เซอุสผู้สร้างเมืองนี้ต้องการหาจุดศูนย์กลางของโลก ได้ส่งนกอินทรีย์ 2 ตัว ทำการสำรวจตามความต้องการ นกได้บินวนอยู่บริเวณ เทือกเขาพาร์นาซอส เมืองเดลฟี จึงถูกสร้างขึ้น ปัจจุบันเป็นแหล่งเพาะปลูกมะกอก ซึ่งว่ากันว่ามีมากกว่า 400,000 ต้น ปลูกเรียงรายตามไหล่เขา เหมือนพรมผืนใหญ่จนได้รับการขนานนามอีกอย่างหนึ่งว่าเป็น The of Olives นำท่านเที่ยวชม เมืองเดลฟี Delphi ซึ่งเป็นนครศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญ และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของกรีกโบราณ ระหว่างศตวรรษที่ 4-7 ก่อนคริสตกาล เมืองเดลฟีเป็นจุดศูนย์กลางของยุคคลาสสิค ซึ่งผู้คนนับหมื่นนับพันจากรัฐอื่น ๆ ต่างเดินทางมาเพื่อขอเทพพยากรณืจาก อพอลโล เพราะเป็นคำพยากรณ์ที่ทรงอิทธิพลและผู้คนเลื่อมใสที่สุดในสมัยกรีก เมืองนี้ในอดีตเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นที่ตั้งของ วิหารเทพอพอลโล Temple of Apollo ซึ่งเป็นสุริยะเทพตามความเชื่อของชาวกรีกโบราณ ปัจจุบัน วิหารแห่งเทพอพอลโล ซึ่งเป็นวิหารของเทพอะธีนา ใครเคยดูหนังเรื่อง Stargate ที่ฉายทางเคเบิ้ลทีวี จะเห็นจุดนี้เป็นประตูเชื่อมต่อไปยังจักรวาลระบบอื่น ๆ วิหารแห่งเทพอพอลโลตั้งอยู่บนไหล่เขาอยู่ต่ำกว่าโรงละครกลางแจ้งลงไปหนึ่งชั้น ในรูปจะเห็นเพียงแค่ฐานรูปสี่เหลี่ยมและมีเสา 4-5 ต้น ทางด้านซ้าย ในอดีตวิหารแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันเนื่องจากมีนักบวชหญิงที่เป็นเหมือนร่างทรงของเทพอพอลโล (มีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า Oracles) ที่จะคอยให้คำพยากรณ์ตั้งแต่เรื่องส่วนตัวยันเรื่องการบ้านการเมือง ใครจะส่งทหารไปรบที่ใหนก็ต้องมาปรึกษาคำพยากรณ์ของเทพอพอลโลที่วิหารแห่งเมืองเดลฟีแห่งนี้ ถัดจากวิหารหารขึ้นมาจะเห็น โรงละครกลางแจ้งรูปครึ่งวงกลม Mar Maria Precinct คนที่ชมการแสดง ณ สถานที่แห่งนี้คงมีความสุขมาก ๆ แน่ ๆ ได้เห็นวิวทิวทัศน์เบื้องล่างสวยงามสูงขึ้นไปอีกชั้นจากโรงละครจะเป็นสนามกีฬารูปร่างคล้าย ๆ กับสนามกีฬาโอลิมปิกในกระทู้ก่อนสมัยโบราณไว้แข่งขันกีฬาไพเธียน Pythian Games ซึ่งจัดเป็นประจำทุก 4 ปี เช่นเดียวกับกีฬาโอลิมปิก แต่อยู่คนละเมืองกัน จากนั้นไปชม น้ำพุคาสตาเลีย Kastelli ที่มีนำมาจากแหล่งน้ำพุร้อน มีอายุเก่าแก่กว่า 3,000 ปี จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พิพิธภัณฑ์เดลฟี Delphi Museum มีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง อาทิ Charioteer รูปปั้นนักขับรถม้าศึกที่ขึ้นชื่อลือชา และรูปปั้นของโรมัน

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ภัตตาคาร

นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองกาลัมบาก้า Kalambaka (ระยะทาง 228 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง) เป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ทันสมัยซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับ เมืองเมทีโอร่า Meteora นครแห่งอารามลอยฟ้าที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก อยู่ในเขตจังหวัดทริคาลา Trikala ของประเทศกรีซ เป็นเมืองที่มี

ชื่อเสียงเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 10 และถือว่าเป็นจุดหมายปลายทางของจาริกแสวงบุญมานานแล้ว ภายในเมืองมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือน

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างคืน ณ โรงแรม     Divani Meteora Hotel 4*     หรือเทียบเท่า   www.divanis.com

วันที่สาม เมืองกาลัมบาก้า-เมืองเมทีโอร่า-ลาเมีย-กรุงเอเธนส์
เช้า  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านสู่ เมืองเมทีโอร่า Meteora ซึ่งเป็นที่ตั้งของ สำนักสงฆ์ลอยฟ้าอย่างน่าอัศจรรย์ พระในศาสนาคริสต์นิกายกรีก ออร์-โธดอกซ์ได้สร้างสำนักสงฆ์ ไว้หลายแห่งบนยอดเขาหินทรายที่สูงชันจากพื้นราบ ดูแล้วชวนให้เกิดความสงสัยว่าขึ้นไปสร้างอาคารบนยอดเขาสูงได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นพระสงฆ์ที่อยู่ข้างบนหาอาหารและน้ำได้อย่างไร แล้วทำไมถึงต้องไปสร้างอยู่บนนั้นต้องการปลีกวิเวกหรือต้องการเข้าถึง พระเจ้าให้ใกล้ที่สุดจริง ๆ แล้ว พระสงฆ์เหล่านี้หนีการคุกคามของพวกเตอร์กที่นับถือศาสนาอิสลาม และกำลังแผ่ขยายอิทธิพลมายังคาบสมุทรกรีซ และพบว่าแท่งหินทรายสูงชันเหล่านี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการตั้งสำนักสงฆ์เพื่อสืบทอดศาสนาต่อไปราว 800-900 ปีก่อน เมื่อเริ่มสร้างมีสำนักสงฆ์ทั้งหมด 20 แห่งด้วยกัน แต่ปัจจุบันเหลือที่เปิดทำการจริงอยู่เพียง 6 แห่งเท่านั้น นำท่านขึ้นชม สำนักสงฆ์แห่งเมทีโอรา Monasteries of Meteora ในสมัยก่อนการขึ้นไปยังสำนังสงฆ์เหล่านี้ทำได้ยากลำบากมาก ต้องใช้เชือกหรือตาข่ายเพื่อใช้ในการปีนป่าย การส่งข้าวของเครื่องใช้และอาหารจะผ่านทางเชือกและตะกร้าเท่านั้น เพิ่งจะมีการสร้างบันไดขึ้น และสะพานเชื่อมเมื่อไม่ถึงร้อยกว่าปีมานี้เอง หมู่สำนักสงฆ์เหล่านี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก้ ในปี พ.ศ. 2531 เนื่องจากการผสมผสานอย่างกลมกลืนระหว่างศิลปะแบบไบแซนไทน์เข้ากับสภาพแวดล้อมที่งดงามทางธรรมชาติ

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

นำท่านเดินทางสู่ เมืองลาเมีย Lamia (ระยะทาง 141 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เมืองที่ถูกขนานนามว่าเป็นใจกลางของประเทศกรีซ เมืองที่ในอดีตเป็นสมรภูมิรบอันยิ่งใหญ่และนับครั้งไม่ถ้วน นับตั้งแต่สมัย 480 ปี ก่อนคริสตศักราช จนถึงยุคกลาง ยังเคยเป็นสถานที่ตั้งของของกองทัพเปอร์เซีย ครั้งเข้ามาบุกรุกรานในดินแดนอารยธรรมกรีกโบราณ จากนั้นเดินทางกลับเข้าสู่กรุงเอเธนส์ (ระยะทาง 241 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที) เมืองหลวงของประเทศกรีซ ใช้ชื่อตามเทพเจ้าแห่งความรู้และปัญญา เป็นเมืองโบราณที่มีประวัติมายาวนานตั้งแต่ 1,000 ปี ก่อนคริสตกาล

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างคืน ณ โรงแรม     Titania Hotel 4*     หรือเทียบเท่า     www.titania.gr

วันที่สี่ กรุงเอเธนส์-นั่งเรือเฟอร์รี่-เกาะมิโคนอส
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ ท่าเรือพิราอุส Piraeus

07.00 น. ออกเดินทางสู่ เกาะมิโคนอส Mykonos โดยเรือ SEAJET หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของกรีซ เป็นหนึ่งในหมู่เกาะไซคลาดิส Cyclades Island ในเขตทะเลอีเจียน Aegean Sea เป็นสถานที่ที่เหล่าชนชั้นสูงทั่วโลกต่างนิยมล่องเรือยอร์มาพักผ่อนตากอากาศ ตลอดจนนางแบบ ดาราฮอลลีวูด แม้กระทั่งหญิงที่อยากเป็นชาย หรือชายที่อยากเป็นหญิง ตลอดจนชาวสีม่วงทั้งหลาย นิยมมาพักผ่อนหย่อนใจนอนอาบแดด ณ เกาะมิโคนอสแห่งนี้ เป็นเกาะที่มีความงามเหนือจินตนาการโดยแท้ เต็มไปด้วยร้านขายของพื้นเมือง และแหล่งเริงรมย์อันหรูหราของอ่าวรูปกึ่งวงกลม บ้านรูปทรงก้อนน้ำตาล กังหันลมทาด้วยสีขาวดูสะอาดตา บ้านริมทะเลแบบอีเจียนดั้งเดิมที่ไม่มีสถาปัตยกรรมใดในโลกเสมอเหมือน นับว่าเป็นเอกลักษณ์ของเกาะมิโคนอสอย่างแท้จริง
09.35 น. เดินทางถึง ท่าเรือเกาะมิโคนอส Mykonos Island จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรม

ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางสู่ภัตตาคารเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

นำท่านเดินทางสู่ เมืองลาเมีย Lamia (ระยะทาง 141 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) เมืองที่ถูกขนานนามว่าเป็นใจกลางของประเทศกรีซ เมืองที่ในอดีตเป็นสมรภูมิรบอันยิ่งใหญ่และนับครั้งไม่ถ้วน นับตั้งแต่สมัย 480 ปี ก่อนคริสตศักราช จนถึงยุคกลาง ยังเคยเป็นสถานที่ตั้งของของกองทัพเปอร์เซีย ครั้งเข้ามาบุกรุกรานในดินแดนอารยธรรมกรีกโบราณ จากนั้นเดินทางกลับเข้าสู่กรุงเอเธนส์ (ระยะทาง 241 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที) เมืองหลวงของประเทศกรีซ ใช้ชื่อตามเทพเจ้าแห่งความรู้และปัญญา เป็นเมืองโบราณที่มีประวัติมายาวนานตั้งแต่ 1,000 ปี ก่อนคริสตกาล

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างคืน ณ โรงแรม     Petinos Hotel 4*     หรือเทียบเท่า     www.petinoshotel.gr

 

วันที่ห้า เกาะมิโคนอส-เกาะซานโตรินี-ชมพระอาทิตย์ตกดินที่หมู่บ้านเอีย
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

ให้ท่านได้อิสระพักผ่อนดื่มด่ำกับบรรยากาศของความงดงามตามธรรมชาติของเกาะมิโคนอส ราชินีแห่งทะเลเอเดรียติก ได้ตามอัธยาศัย

11.30 น. รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
13.35 น. เดินทางออกจาก เกาะมิโคนอส Mykonos โดยเรือ SEAJET สู่ เกาะซานโตรินี่
16.20 น. เดินทางถึง เกาะซานโตรินี่ Santorini Island เกาะที่ได้รับการยกย่องให้เป็น ราชินีแห่งเมดิเตอร์เรเนี่ยน  เพราะโลกชื่นชมในทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตาของเกาะภูเขาไฟแห่งนี้ ตั้งอยู่ทางใต้สุดของ หมู่เกาะไคคลาดิส Cyclades Island ในแถบ ทะเลเอเจียน Aegean Sea เกาะแห่งนี้มีขนาดเล็กโดยมีความยาวเพียง 18 กิโลเมตร มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันดับ 1 ในหมู่เกาะไคคลาดิส มีชาวกรีกอาศัยอยู่บนเกาะไม่ถึงสองหมื่นคน แต่เกาะเต็มไปด้วยความโรแมนติกด้วยกลุ่มบ้านเรือนทรงกระบอกสีขาวสะอาดตา มียอดโบสถ์ทรงโดมรายล้อมรอบด้วยสีฟ้าสดจากทุกทิศประตูหน้าต่าง งดงามดั่งภาพวาดในโปสการ์ดต่าง ๆ นำท่านมุ่งหน้าสู่ทางตอนเหนือของเกาะ เพื่อนำท่านสู่ หมู่บ้านเอีย Oia Village ความงดงามของหมู่บ้านโดดเด่นสะดุดตาถึงขนาดที่ศิลปินหลายคนนำมาเป็นแบบวาดรูปกันเลยทีเดียว อิสระท่านเดินชมสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านเอียนั่นก็คือ สถาปัตยกรรมสไตล์ไคคลาดิสอันโดดเด่น ที่มีรูปทรงเหมือนบ้านชาวกรีกสมัยเก่าในนิยาย ซึ่งเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างเดินทางไปสัมผัสกับความงดงามนี้ โดยเฉพาะการได้ออกไปเดินสำรวจตามตรอกซอกซอยเล็ก ๆ ชมความน่ารักน่าชังของตัวอาคารบ้านเรือน ร้านค้า และโบสถ์ ซึ่งทั้งหมดจะสร้างด้วยอิฐทาสีขาวโพลน ตัดกับท้องฟ้าสีคราม ดอกไม้นานาพันธุ์สีสันสวยงามช่างดูสดใสเหลือเกิน แถมยังตั้งลดหลั่นกันตามหน้าผาสูงชัน ยิ่งเพิ่มความน่ามองให้กับหมู่บ้านเอียยิ่งขึ้นไปอีก หลังจากเดินชมตามตรอกซอกซอยกันจนอิ่มหนำสำราญแล้ว โปรแกรมที่ไม่ควรพลาดเด็ดขาดนั้นก็คือ นำท่านสัมผัสบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกของการชมพระอาทิตย์ตกดินที่หมู่บ้านเอีย เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดของเกาะ อิสระให้ชมภาพพระอาทิตย์สีแสด สาดแสงอ่อนอมส้มบริเวณปลายท้องฟ้าสีฟ้าครามมองไกลสุดสายตา ช่างเป็นภาพงดงามเหนือคำบรรยายที่ธรรมชาติได้บรรจงสร้างไว้
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร ดื่มด่ำกับบรรยากาศของพระอาทิตย์ยามอัสดงค์

พักค้างคืน ณ โรงแรม     El Greco Hotel 4*     หรือเทียบเท่า     www.elgreco.com.gr

วันที่หก เกาะซานโตรินี-ล่องเรือทะเลสาบภูเขาไฟ-ชิมไวน์-กรุงเอเธนส์
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่าน ล่องเรือในทะเลสาบภูเขาไฟ Santorini Volcano ที่สวยงามแปลกตาอันเกิดจากการระเบิดตัวของภูเขาไฟระเบิด และการยุบตัวของเกาะ เรือจะนำท่านสู่ บริเวณบ่อน้ำพุร้อน เพื่อให้ท่านได้สัมผัสความงดงามของน้ำทะเลสีฟ้าสดเหลือบสีทองแดงแปลกตาด้วยแร่กำมะถัน อิสระให้ท่านได้เดินเที่ยวบริเวณทะเลสาบเพื่อถ่ายรูปกับบ้านบนเชิงเขาที่สร้างได้อย่างสวยงามบนเกาะซานโตรินี่จากจุดชมวิวที่สุดเช่นกัน ได้เวลาพอสมควรนำท่านล่องเรือกลับสู่ท่าเรืออีกครั้ง

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

จากนั้นนำท่าน ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ ชมความงดงามของเกาะจากมุมสูง และให้ท่านได้สัมผัสประสบการณ์ที่สนุกสนานกับการเลือกนั่งลา Donky พาหนะที่โด่งดังและเก่าแก่ของชาวกรีกนั่งลงมาจากเขา หรือจะเลือกนั่งเคเบิ้ลคาร์ตามอัธยาศัย นำท่านสัมผัสความมหัศจรรย์ในความงดงามของหาดทรายของเกาะซานโตรินี่ ที่ไม่เพียงมีแต่หาดทรายสีขาวที่งดงาม และยังมีหาดทรายสีแดงจนเกือบจะเป็นสีดำของ หาดเรด บีช Red Beach หาดแห่งนี้ตั้งอยู่ใน บริเวณ อโครติริ Akrotiri เขตโบราณคดีอันเก่าแก่ ตำนานแห่งทฤษฎีแอตแลนตีส อาณาจักรที่ไม่มีตังตนของเพลโต เป็นโบราณสถานที่โดดเด่นที่สุดบนเกาะแห่งนี้ ที่มีการพบหลักฐานว่ามีคนพักอาศัยตั้งแต่ปลายยุคหินใหม่ ราว 4,000 ปี ก่อนคริสตกาล จนถึงช่วงต้นยุคสำริด นำท่านเดินทางสู่ Perissa Beach เป็นหาดทรายที่มีจุดเด่น คือ ถูกปลกคลุมไปด้วยหินกรวดสีดำ ทำให้ดูแปลกตากว่าหาดทรายที่เราเคยพบเห็นกันโดยทั่วไป ระหว่างทางท่านจะพบกับแปลงไร่องุ่น โดยองุ่นที่นี่จะปลูกเป็นพุ่มเตี้ยๆ เนื่องจากมีกระแสลมแรง และที่นี่จะไม่มีการรดน้ำ เนื่องจากหมอกยามเช้าจะให้ความชุ่มชื้นเพียงพอต่อต้นองุ่นอยู่แล้ว นำท่านสู่ หมู่บ้าน Pyrgos ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่คนท้องถิ่นพักอาศัยอยู่ และนำท่าน แวะชิมไวน์ ณ Santo Winery ณ สถานที่แห่งนี้จะมีไวน์ให้ท่านได้เลือกชิมหลากหลาย ราคาไม่แพง แถมยังมีรสชาติที่นุ่มลิ้น ท่านไม่ควรพลาดลิ่มลอง และควรค่าแก่การนำกลับมาฝากคนที่ท่านรักที่อยู่ที่เมืองไทยอีกด้วย ได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางสู่ ย่านใจกลางเมืองบริเวณ จัตุรัสธีโปโกปูลู Theotokopoulou Square แหล่งนัดพบประจำเมือง ซึ่งเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกมากมายเรียงรายอยู่ตลอดสองข้างทางเดิน ร้านขายเครื่องประดับ บาร์ ไนต์คลับ อิสระให้ท่านได้เดินเที่ยว ช้อปปิ้ง หรือจะเลือกนั่งดื่ม กาแฟ เคล้าบรรยากาศที่รอบข้างดูแปลกตาแต่แฝงไปด้วยความงดงาม

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
20.55 น. ออกเดินทางโดยสายการบิน Aegean Air เที่ยวบินที่ A3 361 สู่ กรุงเอเธนส์
21.40 น. เดินทางถึงสนามบิน กรุงเอเธนส์ จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก

พักค้างคืน ณ โรงแรม     Titania Hotel 4*     หรือเทียบเท่า     www.titania.gr

 

วันที่เจ็ด กรุงเอเธนส์-ชมเมือง-อะโคโปลิส-วิหารพาเธนอน-ช้อปปิ้งย่านเมืองเก่าพลักก้า-กรุงเทพมหานคร
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านชมความสวยงามของ กรุงเอเธนส์ Athens ดินแดนแห่งตำนานระหว่างเทพเจ้ากับมนุษย์ เป็นที่ก่อเกิดนักปราชญ์ราชบัณฑิตผู้ยิ่งใหญ่ของโลก อีกทั้งยังเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณที่เป็นรากฐานของศิลปวัฒนธรรมของโลก หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว นำท่านเดินทางเข้าสู่ใจกลางกรุงเอเธนส์ นำท่านผ่านชม สนามกีฬาโอลิมปิก สไปย์รอส หลุยส์ Spiros Louis Olympic Stadium สถานที่ใช้จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูร้อนปี 2004 ชื่อสนามตั้งตามชื่อของ สไปย์รีดอน หลุยส์ นักกรีฑาชาวกรีซที่ได้เหรียญทองจากการวิ่งมาราธอน จากโอลิมปิก ปี 1896 ที่จัดแข่งขันในกรุงเอเธนส์เช่นกัน เชิญชมความสง่างามของสนามกีฬาโอลิมปิกที่สร้างด้วยหินอ่อนทั้งสนาม และถ่ายรูปกับ สนามกีฬาโอลิมปิกแห่งนี้ ผ่านชม อโกร่า โรงละครแห่ง ติโอนีซอส เนินเขาพิโลปัปปุส โอเดียนแห่งเฮโรเดส อัตติคัส พระบรมมหาราชวัง ประตูชัยเอเดรียน มหาวิหารและโบสถ์เซนต์เอเฟล จากนั้นนำท่านสู่ วิหารพาร์เธนอน Parthenon อันยิ่งใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขา อะโครโปลิส Acropolis ใจกลางเมือง วิหารพาร์เธนอนเป็นวิหารในแบบดอริก มีความยิ่งใหญ่มาก วิหารนี้สร้างขึ้นอย่างงดงามโดยคำนึงถึงทัศนียภาพของผู้ชมที่มองจากภายนอกเป็นหลัก จริงๆแล้วเดิมวิหารนี้ประดับประดาไปด้วยภาพแกะสลักนูนสูง นูนต่ำ ทั้งหน้าบันและภายใน ภายหลังที่กรีซถูกปกครองภายใต้จักรวรริออตโตมันของพวกเตอร์ก ได้มีทูตชาวอังกฤษใช้อิทธิพลนำภาพแกะสลักทั้งหลายกลับอังกฤษ และต่อมาขายต่อให้กับ พิพิธภัณฑ์อังกฤษ ในกรุงลอนดอน ใครที่ไปกรุงลอนดอนควรหาโอกาสไปดูกรีกคอลเลคชั่นที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของรายละเอียดของวิหารพาร์เธนอนแห่งนี้ ปัจจุบันมีต้นมะกอกอยู่ ณ ตำแหน่งที่เชื่อว่าอะธีน่าปลูกต้นนี้ไว้เป็นครั้งแรก และมีจุดที่เชื่อว่าโพไซดอนเอาตรีศูลกระแทกพื้นด้วย อีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจและงดงามดึงดูดใจมากคือ วิหารของเทพีอธีนาและเทพโพไซดอน ที่เอามารวมกัน เรียกว่า Erechteion มีรูปปั้นเทพี คาร์ยาทิเดส Caryatids แต่งกายยาวแบบชุดโทนิคแทนเสาหิน บริเวณข้าง ๆ นี้จะมีต้นมะกอกหนึ่งต้น เขาเล่าว่า เป็นที่เดิมที่พระนางเอธีนาประทานต้นมะกอกแก่ชาวเมืองนี้ จึงมีการปลูกต่อมาจนกระทั่งทุกวันนี้ บนเนินเขา อะโครโปลิส มุมล่างซ้าย คือ โรงละคร Theatre of Dionysos ที่ชอบเปิดการแสดง Live at Acropolis ดูคอนเสิร์ตไป ตาก็ชำเลืองมอง วิหารพาร์เธนอนไป ขลังอย่างบอกใคร มุมล่างขวามือ คือ โรงละคร Herodes Atticus Theatre ซึ่งล่าสุดจัดงานเอเธนส์ เฟสติเวล ในฤดูร้อน และยังใช้จัดแสดงละครให้คนได้สัมผัสการดูละครแบบหลายพันปีก่อน หลังจากนั้นก็เดินลงบันไดหินอ่อนที่เย็นสนิท เนื้อใส ผ่านบริเวณที่เรียกว่า วิหารเทพีแห่งชัยชนะ Temple of Athena Nike

 

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง

นำท่านเดินทางสู่ ย่านเมืองเก่าพลักก้า Plaka ย่านเก่าแก่ซึ่งตั้งอยู่เชิงเขาอโครโปลิส อดีตเคยเป็นที่พบปะของเหล่าบุบผาชน และนักคิดของกรีซในอดีต ปัจจุบันได้เป็นที่ตั้งของเหล่าพิพิธภัณฑ์ทางประวัตศาสตร์ และอาร์ตแกลลอรี่มากมาย ถนนซอกซอยของย่านนี้มีขนาดเล็ก ปูด้วยหินก้อนคล้ายเล็กใหญ่สลับกันไปคล้ายยุคในอดีตกาล บรรยากาศโดยรอบของย่านพลักก้าจะทำให้ท่านมีความรู้สึกย้อนระลึกภายในอดีตของกรุงเอเธนส์ ที่มีบ้านเรือนขนาดเล็กปลูกติดกัน มีระเบียงเหล็กดัดลวดลายสวยงามตามไสตล์นีโอคลาสสิค พร้อมดอกไม้คละสีกันดูสวยงาม ท่านจะได้เห็นสิ่งก่อสร้างเล็ก ๆ โดยรอบ มีโบสถ์ยุคไบเซนไทม์ มหาวิทยาลัยเก่าจะยังคงมีบางส่วนของประตู และกำแพงโบราณที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ท่านจะสนุกไปกับการช้อปปิ้งสินค้าของที่ระลึกที่น่ารักมากมายจากกรีซ พร้อมผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากน้ำมันมะกอก ซึ่งเป็นผลผลิตที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศกรีซ เช่น ครีมทาผิว ครีมสระผม ครีมนวดผม สบู่ เครื่องเงินและทองที่เป็นลวดลายกรีกโบราณ และงานหัตถกรรมต่าง ๆ อาทิ เครื่องปั้นดินเผา รูปปั้นแกะสลัก ภาพวาด และสินค้าอื่นอีกเป็นจำนวนมาก อิสระให้ท่านได้เดินเล่นช้อปปิ้ง หรือจะเลือกนั่งรับประทานอาหาร จิบกาแฟ ได้ตามอัธยาศัย

22.25 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว นำท่านเดินทางกับสู่ กรุงเอเธนส์ รถโค้ชวิ่งตรงสู่สนามบินนานาชาติ Eleftherios Venizelos International Airport

23.55 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติ Ataturk International Airport ณ กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี รอเปลี่ยนเที่ยวบิน
วันที่แปด สนามบินสุวรรณภูมิ 
01.35 น. ออกเดินทางต่อสู่ กรุงเทพมหานคร เที่ยวบินที่ TK68 สายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์
14.50 น. เดินทางกลับถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ

ราคาเริ่มต้นที่ 99,900 บาท