Panorama TravelPanorama Travel
Forgot password?

โครเอเชีย 7 วัน

  • โครรเอเชีย
  • โครรเอเชีย

โครเอเชีย  7  วัน 

กรุงอิสตันบูล-เมืองซาเกรบ-อุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่
อุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่-โทรเกียร์-สปลิท
เมืองสปลิท-พระราชวังดิโอคลีเธี่ยน-เมืองนีอุม (บอสเนีย)
มาลีสตอน ล่องเรือชมฟาร์มหอยนางรม-เมืองดูบรอฟนิค
เมืองตูบรอฟนิค-กระเช้าไฟฟ้าสู่ยอดเขา-กำแพงโบราณ
เมืองเก่าดูบรอฟนิค -เมืองดูบรอฟนิค-กรุงอิสตันบูล

กำหนดการเดินทาง :  กรกฏาคม – ตุลาคม 

รายละเอียดการเดินทาง

 

วันแรก  กรุงเทพมหานคร  สนามบินสุวรรณภูมิ
20.30 น. คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ที่ สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์เชคอิน U (แถว U 14-18) ประตูทางเข้าที่ 9 หรือ 10 อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์เชคอิน สายการบิน เตอร์กิช แอร์ไลน์ Turkish Airlines (TK)
23.00 น.  ออกเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดย เตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK69
วันที่สอง     กรุงอิสตันบูล-เมืองซาเกรบอุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่
05.00 น. เดินทางถึง กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี (แวะเปลี่ยนเครื่อง)
07.15 น.  ออกเดินทางสู่ เมืองซาเกรบ ประเทศโครเอเชีย โดย  เตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK1867

(ใช้เวลาบินประมาณ 2.30 ชั่วโมง)  มีบริการอาหารและเครื่องดื่มระหว่างเที่ยวบิน

08.30 น. เดินทางถึงสนามบิน Pleso International Airport หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ศุลกากรแล้ว นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศมุ่งหน้าสู่ เมืองซาเกรบ Zagreb เมืองหลวงของประเทศโครเอเชีย ดินแดนแห่งทะเลเอเดรียติค ซึ่งมีความเก่าแก่แฝงด้วยเสน่ห์และมนต์ขลัง เมืองซาเกรบเป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมและเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 ปัจจุบันชาวโครเอเชียมีวิถีชีวิตเยี่ยงชาวยุโรปที่เจริญโดยทั่วไป การคมนาคมภายใน เมืองซาเกรบสะดวกสบาย นิยมใช้รถรางเป็นพาหนะซึ่งมีนับสิบสายทั่วทั้งเมือง เมืองซาเกรบประกอบไปด้วยเขตเมือง Upper Town ที่สร้างขึ้นสมัยศตวรรษที่ 17 ที่มีซุ้มประตูหินเป็นสัญลักษณ์ เขต Lower Town ที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 19 และเขตเมืองใหม่ New Town ที่สร้างหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นำท่านผ่านชม   จัตุรัส Trg Ban Jelacic Square จัตุรัสกลางเมืองที่ล้อมรอบด้วยห้างร้านนำสมัย ผ่านชม อนุสาวรีย์ บาน โจซิฟ เจลาซีค Ban Josip Jelacic ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ที่ต่อสู้เพื่อความเป็นอิสระจากชาวฮังกาเรียนในปี ค.ศ. 1848 ต่อด้วยการเดินชมเขตเมืองเก่าตอนบนและตอนล่าง ที่เชื่อมกันด้วยรถราง Funicular ที่ มีความยาวสั้นที่สุดในยุโรป นำท่านสู่เขต Upper Town โดยขึ้นรถรางไฟราง จากนั้น แวะถ่ายรูปกับ วิหารเซนต์ มาร์ก St. Marks Church ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่าซาเกรบ สร้างขึ้นในราวศตวรรษที่ 13 หลังคามุงด้วยกระเบื้องสีต่าง ๆ ซึ่งเป็นรูปตราสัญลักษณ์ของซาเกรบ โครเอเชีย สโลวีเนีย และดัลมาเชีย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นประเทศเดียวกัน (อดีตยูโกสลาเวีย) จากนั้นนำท่านชม ตลาดกลางเมือง Dolac Market ตลาดกลางแจ้งที่เก่าแก่มีสีสันสดใส มีดอกไม้ประดับ และผลไม้ราคาถูกวางขายมากมาย จากนั้นนำท่านเข้าชมภายใน มหาวิหารเซนต์    สตีเฟน St. Stephen Cathedral โบสถ์คาทอลิกประจำเมืองซาเกรบ  ซึ่งมียอดแหลมทรงกรวยคู่บนยอดวิหารตกแต่งอย่างงดงาม สามารถเห็นได้จากทุกมุมในเมืองซาเกรบ แต่เดิมเป็นโบสถ์ธรรมดาแต่เพิ่งมีความสำคัญในปี ค.ศ. 1094 เมื่อกษัตริย์ลาดีสลาอุส King Ladislaus ได้ให้พระราชาคณะย้ายที่พำนักจากสีสัก Sisak มายังเมืองซาเกรบ แต่ก็ถูกกองทัพมองโกลทำลายในปี ค.ศ. 1242 เมื่อมองโกล จากไป มหาวิหารนี้ก็ได้รับการบูรณะใหม่อีกหลายครั้งจนกระทั่งรูปร่างมหาวิหารงดงามในรูปแบบ     นิโอ-โกธิค ที่เห็นในปัจจุบัน
บ่าย รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติ พลิตวิเซ่ Plitvice National Park (ระยะทาง 135 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) ซึ่ง ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้     ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ในปี ค.ศ. 1979  เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศโครเอเชีย มีทะเลสาบสีเธอร์คอยซ์ถึง 16 แห่ง ที่มีความแตกต่างกัน ระหว่างทางแวะถ่ายรูปที่ พิพิธภัณฑ์สงครามกลางแจ้ง ณ เมืองคาโลวัช Karlovac เมืองผลิตเบียร์ชื่อดังของประเทศโครเอเชีย ระหว่างทางชมธรรมชาติและความงามของทิวทัศน์สองข้างทางที่รายล้อมไปด้วยป่าเขา สลับกับทุ่งหญ้า ฟาร์ม พื้นที่เกษตรกรรม ให้ท่านได้อิสระชมความงามของพันธุ์ไม้หลากชนิด บริเวณรอบ ๆ โรงแรมที่พักหลากหลายสายพันธุ์

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร                  

พักค้างคืน ณ โรงแรม     Jezero Hotel 3*      หรือเทียบเท่า

วันที่สาม  อุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่-โทรเกียร์-สปลิท
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเข้าชมความงามของ อุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่ Plitvice National Park นำท่านสู่ Lower Lake โดยการ ล่องเรือข้ามทะเลสาบ Jezero Kozjak ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นทะเลสาบที่เชื่อมระหว่างอุทายานตอนล่างขึ้นสู่ทะเลสาบชั้นบนของอุทยาน เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่งดงามและความอลังการของ Lower Lake ที่ประกอบไปด้วยทะเลสาบ Milanovac, Gavanovac และ Kaluderovac เป็นต้น นำท่านเดินชมทะเลสาบต่าง ๆ ตามทางเดินสะพานไม้ที่เชื่อมแต่ละทะเลสาบเข้าด้วยกัน แล้วเดินสู่ Veliki Slip ชม น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในอุทยาน ที่มีความสูงถึง 70 เมตร (การเดินท่องเที่ยวในอุทยาน แนะนำให้ท่านสวมรอบเท้าผ้าใบ หรือ รองเท้าที่สวมใส่สบาย เนื่องจากต้องเดินชมความงามของธรรมชาติภายในอุทยาน)  การเข้าชมอุทยานแห่งชาติ  พลิทวิเซ่นั้นความสวยงามของธรรมชาติจะเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาลซึ่งแต่ละฤดูกาลนั้นต้องขอบอกว่าจะมีความสวยงามของธรรมชาติที่สวยงามและแตกต่างกันตามฤดูกาล หรืออาจจะพูดได้เลยว่าสวยงามทุกฤดูกาล

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ เมืองโทรเกียร์ Trogir (ระยะทาง 214 กิโลเมตร  ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) เป็นเมืองขนาดเล็กบนเกาะที่ตั้งอยู่เกือบชิดกับแผ่นดินใหญ่ เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่สมัยยุคอารยะธรรมกรีกโรมัน และได้มีการพัฒนาตามผู้ปกครองแต่ละยุคสมัย ในยุคการปกครองของอาณาจักรเวนิสนั้น ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะไสตล์เรเนซองค์และบาร็อค ท่านสามารถเห็นอาคารบ้านเรือน โบสถ์ สถานที่สำคัญที่สร้างขึ้นในศิลปะไสตล์เรเนซองค์ และ บาร็อค ซึ่งมีการดูแลอย่างดีเยี่ยมจนถึงปัจจุบัน  องค์การยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองโทรเกียร์เป็นมรดกโลกในปี 1997 เรียบร้อยแล้ว ระหว่างทางท่านจะเดินทางผ่าน เมืองพรีโมเสตน Primosten ซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ อีกเมืองหนึ่งที่มีความสวยงาม ตั้งอยู่เป็นเกาะเล็ก ๆ ในสมัยก่อนนั้นได้มีคนยกย่องให้ชาวเมืองพรีโมเสตนเป็นคนที่มีความอดทดที่ยอดเยี่ยมมากกับการดำรงชีวิต เนื่องจากภูมิประเทศเป็นภูเขาหิน แต่ก็ยังมีความสามารถ มานะอดทนที่จะประกอบอาชีพด้วยการทำเกษตรกรรมและปลูกพืชชนิดต่าง ๆ นำท่านชม ย่านเมืองเก่าโทรเกียร์ ชมความสวยงามของอาคารบ้านเรือนที่ได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมกรีกและโรมันโบราณ เช่น ประตูเมือง Kopnena Vrata ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 16 แวะถ่ายรูปกับ หอนาฬิกา Foggia And of Clock Tower สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 แวะถ่ายรูปกับ มหาวิหารเซนต์ลอเรนซ์ St. Lawrence’s Cathedral สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ใช้เวลาในการก่อสร้างนานนับสิบปี จุดเด่นของมหาวิหารแห่งนี้คือประตูทางเข้าที่แกะสลักเป็นเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างวิจิตรตระการตา  มีรูปปั้นสิงโต อาดำ และ อีฟ ซึ่งเป็นมนุษย์ หญิง ชาย คู่แรกบนพื้นโลกใบนี้ และรูปสลักนักบุญเซนต์ลอว์เรนซ์บุคคลสำคัญ ที่เป็นผู้สร้างมหาวิหารแห่งนี้และอุทิศให้ ชม จัตุรัสภายในบริเวณเมืองเก่า  แวะถ่ายรูปกับ ป้อมเซนต์มาร์ค สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1430 ตั้งตระหง่านอยู่ริมชายฝั่งทะเลเอเดรียติก ในอดีตใช้เป็นกำแพงป้องกันภัยจากข้าศึกที่เข้ามารุกรานจากทางทะเลเข้ามารุกรานจากทางทะเล ได้เวลาสมควรนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองสปลิท Slit (ระยะทาง 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเมืองซาเกรบ ซึ่งอยู่ในแคว้นดัลเมเชีย อัน เป็นต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์ดัลมาเชี่ยน ที่โด่งดัง เป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศโครเอเชียเป็นอย่างมาก และยังเป็นท่าเรือที่ใช้ในการติดต่อเดินทางระหว่างประเทศโครเอเชีย และประเทศอิตาลี ที่เมืองสลิปแห่งนี้อีกด้วย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างคืน ณ โรงแรม     Atrium Hotel 4*      หรือเทียบเท่า

วันที่สี่  เมืองสปลิท-พระราชวังดิโอคลีเธี่ยน-เมืองนีอุม (บอสเนีย)

     มาลีสตอน ล่องเรือชมฟาร์มหอยนางรม-เมืองดูบรอฟนิค

 เช้า      รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเที่ยวชมความสวยงามของ เมืองสลิท Split ที่สร้างรายล้อมพระราชวังดิโอคลีเธี่ยน ประกอบด้วย ศาลาว่าการเมืองสไตล์เรเนซองค์ สร้างในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 15 อาคารบ้านเรือนเก่าแก่ ชมย่าน People Square ศูนย์กลางทางธุรกิจและการบริหาร นำท่านเข้าชม พระราชวังดิโอคลีเธี่ยน Diocletian Palace องค์การยูเนสโก้ ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1979 สร้างขึ้นจากพระประสงค์ของจักรพรรดิ์อิโอคลีเธี่ยนแห่งโรมัน ซึ่งต้องการสร้างพระราชวังสำหรับในบั้นปลายชีวิตของพระองค์ หลังสละบัลลังก์ ภายพระราชวังประกอบด้วยวิหารจูปิเตอร์ สุสานใต้ดินที่มีชื่อเสียง Catacombas และวิหารต่าง ๆ นำท่านชมห้องโถงกลางซึ่งมีทางเดินที่เชื่อต่อสู่ห้องอื่น ๆ ชมลานกว้าง Peristyle ซึ่งล้อมด้วยเสาเหินแกรนิต 3 ด้าน และเชื่อมต่อด้วยโค้งเสาที่ตกแต่งด้วยช่อดอกไม้สลักอย่างวิจิตร สวยงาม ชมยอดระฆังแห่งวิหาร The Cathedral Belfry แท่นบูชาของเซนต์โดมินัส และเซนต์สตาดิอุส ซึ่งอยู่ในวิหาร

เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่านเดินทางสู่ อ่าวมาลี สตอน Mali Ston (ระยะทาง 185 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) ระหว่างทางก่อนถึงอ่าวมาลี สตอน ให้ท่านได้แวะถ่ายรูปที่ เมืองนีอุม Neum ประเทศบอสเนีย Bosnia ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของโครเอเชีย เมื่อท่านเดินทางมาถึงอ่าวมาลี สตอน เรียบร้อยแล้ว นำท่าน ล่องเรือเยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงหอย ชมขั้นตอนต่าง ๆ ของการเลี้ยงหอย ให้ท่านได้ ลองลิ้มชิมรสหอยนางรมสด ๆ จากทะเลเอเดรียติก พร้อมเครื่องเคียง จิบไวน์สด เติมเต็มรสชาดท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงามของอ่าวมาลี สตอน ได้เวลาพอสมควร นำท่านเดินทางสู่ เมืองดูบรอฟนิค Dubrovnik (ระยะทาง 53 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 55 นาที) ตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศริมชายฝั่งทะเลที่มีบ้านเรือนหลังคากระเบื้องสีแสด สลับตามแนวชายฝั่งเป็นระยะ ๆ เมืองดูบรอฟนิคได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองเก่าที่สวยงามที่สุดในยุโรป กับเจ้าของ สมญานาม “ใข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก” เสน่ห์ของเมืองอยู่ที่เขต เมืองเก่า Old Town ซึ่งตั้งอยู่ภายในกำแพงโบราณสูงตระหง่านโอบล้อมโดยรอบ สร้างในศตวรรษที่ 13 เพื่อป้องกันภัยจากศัตรู เช่น อาหรับ เวเนเชียน มาซีโดเนียน และเซิร์บ ภายในเขตเมืองเก่าเป็นที่ตั้งของสถาปัตยกรรมมากมายและสิ่งก่อสร้างโบราณต่าง ๆ องค์การยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองดูบรอฟนิคเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1979

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร

พักค้างคืน ณ โรงแรม     Valamar Lacroma Hotel 4*      หรือเทียบเท่า

วันที่ห้า  เมืองตูบรอฟนิค-กระเช้าไฟฟ้าสู่ยอดเขา-กำแพงโบราณ  –  เมืองเก่าดูบรอฟนิค
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่สถานีเคเบิลคาร์ เพื่อขึ้น กระเช้าไฟฟ้า ที่มีความสูง 400 เมตร เพื่อชมทิวทัศน์ที่ยังความเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเรือนที่มีหลังคาสีแสดและความสวยงามของทะเลเอเดรียติก จากจุดสูงสุดของยอดเขา SRD ของเมืองดูบรอฟนิค สีของน้ำทะเลที่เป็นสีน้ำเงินของทะเลเอเดรียติคกับกับสีส้มแสดของหลังคากระเบื้องในตัวเมืองเก่า เป็นภาพที่มีงามสวยเกินคำบรรยายที่ไม่สามารถจะอธิบายออกมาให้เห็นภาพได้ ท่านจะต้องมาสัมผัสด้วยตาทั้งสองของท่านเท่านั้น ความสวยงานที่กล่าวข้างต้นนี้กำลังรอท่านมาเยือน มาซิครับมาร่วมค้นหาความจริงเหล่านี้ด้วยกัน

เที่ยง    รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร

นำท่าน ล่องเรือพาโนรามา ชมความสวยงามของเมืองเก่าดูบรอฟนิคให้ครบทุกมุมมอง โดยเรือจะล่องเลียบกำแพงเมืองเก่ามุ่งหน้าสู่ เกาะล็อกครุม Lokrum แล้วแล่นชมเกาะก่อนที่จะกลับเข้าสู่ท่าเรือแห่งเดิม ในอดีตสมัยสงครามครูเสด กษัตริย์ริชาร์ดแห่งเกาะอังกฤษเคยมาพำนัก ณ เกาะล็อกครุมแห่งนี้ จากนั้นนำท่านเที่ยวชม เมืองเก่าดูบรอฟนิค “ใข่มุกแห่งทะเลเอเดรียติก” ในอดีตเมื่อปี 1991 เมืองดูบรอฟนิคได้ถูกโจมตีจองกองทัพยูโกสลาฟ บ้านเรือนกว่าครึ่ง อนุสาวรีย์ต่างๆ เสียหายพังทลายและทรุดโทรม และได้มีการบูรณะเมืองส่วนที่เสียหายหายขึ้นมาใหม่ในระยะเวลาอันรวดเร็ว นำท่าน ชมทัศนียภาพของเมืองดูบรอฟนิค มีที่ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งทะเลเอเตรียติค โดยที่ตัวเมืองจะเป็นป้อมปราการโบราณที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมือง ชมกำแพงป้อมปราการที่มีขนาดใหญ่ สามารถเดินขึ้นไปชมความงดงามของตัวเมืองได้อย่างชัดเจน จากนั้นให้ท่านได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ณ บริเวณ จัตุรัสกลางเมือง ซึ่งเป็นสถานที่นัดพบและทำกิจกรรมของชาวเมืองในอดีต รวมถึงสถานที่ลงโทษของผู้ที่กระทำความผิดอีกด้วย อิสระให้ท่านถ่ายรูปกับ เสาหินอัศวิน Orlando Column, หอนาฬิกาโบราณ Bell Tower Clock ที่ตั้งอยู่ปลายสุดของถนนสายหลัก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1444 หน้าปัดทำด้วยเหล็ก มีความพิเศษตรงลูกกลม ๆ ใต้หน้าปัดซึ่งแทนพระจันทร์ จะเป็นที่บอกข้างขึ้นข้างแรมในสมัยก่อน และ รูปปั้นของ นักบุญ St. Blaise ซึ้งมีโบสถ์ประจำเมืองสไตล์โรมาเนสก์แห่งแรกของเมืองเป็นฉากหลังสวยงามมาก จากนั้นนำท่าน เดินขึ้นชมกำแพงเมืองโบราณ ชมความสวยงามของแนวหลังค่าที่เต็มไปด้วยสีส้มทอดยาวเป็นแนวตระหง่านไปทั้งเมืองเก่า กำแพงแห่งนี้มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ให้ท่านได้เพลิดเพลินกับความสวยงามที่ดูแปลกตากับกับความสวยงามสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นอย่างมาก จนกล่าวได้ว่า ใครมาเยือนเมืองดูบรอฟนิคแล้ว ไม่ได้ขึ้นมาชมกำแพงเมืองโบราณแห่งนี้ถือว่าท่านสูญเปล่าและมาไม่ถึงเมืองมรดกโลกดูบรอฟนิค หนึ่งในเมืองเก่าแก่ที่สวยที่สุดในยุโรป สมญานาม “ใข่มุกแห่งทะเลอเดรียติก” ถ้ามีเวลาเพียงพอให้ท่านได้ช้อปปิ้ง ใช้เงินสกุลคูน่า ที่ยังเหลืออยู่ ณ Konzum ซุปเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นที่มีสินค้ามากมายหลากหลายชนิด เช่น ช็อกโกแลตท้องถิ่น KRAS ซึ่งเป็นยี่ห้อเก่าแก่ที่สุดในยุโรปตะวันออก หรือ Dingac ซึ่งเป็นไวน์เก่าท้องถิ่น Posip ไวน์ที่จากองุ่นพันธุ์ท้องถิ่นโดยเฉพาะ หรืออาจจะเป็น Plavac Mali ซึ่งมีคุณภาพระดับเดียวกันกับไวน์ฝรั่งเศสหรืออิตาเลี่ยนและสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย

ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม

พักค้างคืน ณ โรงแรม     Valamar Lacroma Hotel 4*      หรือเทียบเท่า

วันที่หก     เมืองดูบรอฟนิค-กรุงอิสตันบูล-กรุงเทพมหาคร
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
11.05 น. ออกเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดย เตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK440
13.50 น. เดินทางถึงท่าอากาศยาน ณ กรุงอิสตันบูล (แวะเปลี่ยนเที่ยวบิน)

หมายเหตุ            ระหว่างที่ท่านรอต่อเครื่องในสนามบิน Ataturk International

ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าในสนามบินได้ตามอัธยาศัย

20.00 น. ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดย เตอร์กิช แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ TK64
วันที่เจ็ด  สนามบินสุวรรณภูมิ
09.30 น. เดินทางถึง สนามบิน สุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ

ราคาเริ่มต้น 79,900